ซูชิ
ถ้ามองหาอาหารให้พลังงานต่ำ แต่โปรตีนสูง นี่เลยซูชิ
"ซูชิ" คือ ข้าวปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู เกลือ และน้ำตาล แต่งหน้าด้วยเครื่องปรุงต่างๆ อันที่จร ิงแล้วซูชิไม่ใช่อาหารจานหลักแบบข้าวสวย หรือขนมปัง แต่เป็นอาหารที่ทำขึ้นเพื่อการถนอมอาหาร ซึ่งคือปลานั่นเอง โดยในอดีตชาวญี่ปุ่นจะนำปลามาเคล้ากับเกลือและหุ้มด้วยข้าวสุก หมักทิ้งไว้ให้แบคทีเรียในปลาย่อยข้าวสุกจนเป็นกรดที่ทำให้ปลามีรสเปรี้ยว เก็บไว้กินได้นานๆ พอจะเอาปลามากินก็แกะข้าวออก แต่ต่อมาจะเป็นเพราะทนรอไม่ไหวหรืออย่างไรไม่รู้ ที่พอทำเสร็จ ไม่ต้องรอให้เปรี้ยวก็กินกันเลย โดยใส่น้ำส้มสายชูแทน พร้อมกับน้ำตาล และเกลือ
ซูชิ เป็นอาหารให้พลังงานต่ำ แต่มีโปรตีนสูง คาร์โบไฮเดรตปานกลาง และมีวิตามินอยู่มาก ดังนั้นการกินซูชิราว 9-10 ชิ้น เพื่อให้ได้หนึ่งอิ่ม จึงให้พลังงานไม่สูงมาก ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่ทำให้อ้วนแน่นอน
เคยดูรายการทีวีแชมเปี้ยนของญี่ปุ่น ที่ครั้งหนึ่งเอาพ่อครัวมาแข่งกันทำซูชิ โดยกำหนดเวลาในสองชั่วโมงให้ทำซูชิหน้าต่างๆ ออกมาให้ได้มากที่สุด พ่อครัวใช้มือกดๆ บีบๆ ปั้นๆ แผลบเดียวซูชิสารพัดหน้าก็เข้าแถวเรียงพรึ่บเป็นร้อยๆ ชิ้น ดูแล้วน่าสนุก ทำก็ไม่น่าจะยาก ถ้าใครอยากลองทำเองบ้าง ที่ห้างอิเซตัน ถนนราชดำริมีครบเครื่องค่ะ ทั้งเครื่องปรุงและอุปกรณ์ในการทำ ไม่ว่าจะเป็นอ่างไม้สน ไม้พาย เสื่อ สงสัยก็ถามพนักงานขาย หรือชาวญี่ปุ่นที่เดินจับจ่ายอยู่ในห้างได้เลยค่ะ หรือจะให้ถูกหน่อย ที่ร้านไดโซะก็มีขายนะคะ (ของที่นี่ทุกชิ้นทุกอย่างตั้งแต่กิ๊ปติดผมจนถึงหม้อ กระทะ ราคา 60 บาท)
แต่ก่อนทำก่อนรับประทานมารู้จักเครื่องปรุงที่เป็นหลักต่างๆ กันก่อนดีกว่า ข้าวสำหรับทำซูชิ เป็นข้าวญี่ปุ่น เมล็ดสั้นมียางมากเป็นพิเศษที่เรียกว่า “ชาริ” ก่อนหุงต้องซาวให้สะอาด แช่น้ำนาน 1 ชั่วโมง หุงให้พอดีไม่แฉะไม่ร่วน แต่เหนียวพอให้ปั้นเป็นก้อนได้ พอสุกก็ตักใส่อ่างไม้ เกลี่ยให้ทั่ว จากนั้นก็ผสมน้ำส้มสายชู(ต้นตำรับแท้ต้องกลั่นจากข้าวเหนียว) น้ำตาลทราย เกลือ ค่อยๆ เติมลงไป ขั้นนี้ต้องพิถีพิถันในการใส่น้ำส้ม เพื่อข้าวจะได้ไม่แฉะ และต้องคอยใช้พัดพัดให้อุณภูมิค่อยๆ ลดลงทีละน้อย จากนั้นก็นำไปปั้น ไปห่อสาหร่ายได้ ซีอิ๊วญี่ปุ่น การกินซูชิ ต้องกินกับซีอิ๊วญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่า โชยุ เท่านั้น โชยุมีกลิ่นที่หอม มีรสชาติที่อร่อยเค็มพอดีๆ ไม่เหมือนใคร และมีวิธีทำที่ไม่เหมือนซีอิ๊วชนิดใดด้วย โชยุสีออกแดงใสจนแสงผ่านได้ ทำจากการนำถั่วเหลืองมานึ่ง เติมเกลือ ข้าวสาลีบด และยีสต์จากข้าวมอลต์ เพื่อเร่งให้เกิดการบูด แล้วไปหมักในถังนานหนึ่งปี โชยุชั้นดีเก็บนานเท่าใดก็มีกลิ่นหอมชวนกินเสมอ วาซาบิ มัสตาร์ดเขียวรสเผ็ดฉุน สำหรับผสมในโชยุ วาซาบิเป็นผักหัวชนิดหนึ่ง ปลูกในประเทศญี่ปุ่นเฉพาะบางพื้นที่ มีคุณสมบัติช่วยดับกลิ่นคาวในอาหาร หัวสดๆ เมื่อนำมาฝนเป็นแป้ง สารในหัววาซาบิจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ เกิดเป็นรสและกลิ่นที่รุนแรง แต่มีประโยชน์ในการกระตุ้นต่อมน้ำลายให้ขับออกมาช่วยย่อยอาหาร นอกจากนั้นในวาซาบิยังอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ด้วย ขิงดอง ขิงดองในน้ำส้มสายชู เป็นเครื่องเคียงแก้เลี่ยนที่ขาดไม่ได้ กินให้อร่อย ซูชิหากินไม่ยาก เพราะมีขายตามซูเปอร์มาเก็ต และรสชาติก็ไม่ขี้เหร่แต่อย่างใด แต่จะกินให้อร่อยต้องรู้วิธี มิฉะนั้นหน้าไปทาง ข้าวไปทางค่ะ จะใช้มือหรือตะเกียบก็ได้ไม่ว่ากัน
กินด้วยมือ ใช้นิ้วชี้จับที่หน้าเครื่องปรุงไว้ ใช้นิ้วโป้งและนิ้วที่เหลือหยิบก้อนซูชิขึ้นมาจุ่มเครื่องปรุงลงในน้ำจิ้ม อย่าเอาส่วนที่เป็นข้าวจุ่มลงไป ข้าวจะแตกออก
กินด้วยตะเกียบ คีบชิ้นซูชิในลักษณะตะแคงข้างเบาๆ จุ่มส่วนเครื่องปรุงลงใน ซีอิ๊ว สำหรับน้ำจิ้ม อย่าละลายวาซาบิทั้งก้อนลงในน้ำซีอิ๊ว ให้ใช้วิธีแตะวาซาบิก่อนแล้วจึงจุ่มน้ำซีอิ๊ว เพราะการละลายวาซาบิทั้งก้อน จะทำให้ความหอมความเผ็ดของวาซาบิจางไปหมด
วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2552
ซูชิ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น